องค์ประกอบของบทละครนอก
เรื่อง สังข์ทอง ฉบับการ์ตูน
พิมจันทร์ พิมศรี
บทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาเกี่ยวกับองค์ประกอบของบทละครนอกเรื่องสังข์ทอง ในด้านแนวคิด โครงเรื่อง ตัวละคร บทสนทนา และกลวิธีการนำเสนอ
ผลการศึกษาพบว่า แนวคิดที่ปรากฏในเรื่องมี ๒ ลักษณะคือส่งเสริมจริยธรรม และ ส่งเสริมจินตนาการ จริยธรรม ที่ปรากฏมี ๕ ลักษณะ ดังต่อไปนี้ ความเมตตากรุณา ความกตัญญูกตเวที ความขยันหมั่นเพียร ความอดทนอดกลั้น ความมีสัมมาคารวะ ส่งเสริมจินตนาการ ในด้านการส่งเสริมจินตนาการพบเพียงลักษณะเดียว คือ การส่งเสริมจินตนาการภาพด้วยภาษา นอกจากนี้ยังสอนให้บุคคลใช้วิจารณญาณในการมองคน การคบคน โดยให้มองคนที่จิตใจไม่ใช่เพียงรูปกายภายนอก ทรัพย์สมบัติ หรือชาติตระกูล โครงเรื่องแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ โครงเรื่องใหญ่หนึ่งเรื่อง และโครงเรื่องย่อยสี่โครงเรื่อง
ตัวละครที่ถูกสร้างในเรื่องสังข์ทองมี๒ประเภทคือตัวละครเอกและตัวละครรอง ตัวละครเอกเป็นตัวละครที่ถูกสร้างให้มีบุคลิกลักษณะภายนอก ๒ บุคลิก คือ ในร่างของพระสังข์เป็นหนุ่มรูปงามมีกายสีทอง และร่างเจ้าเงาะมีรูปร่างอัปลักษณ์ น่าเกลียดน่ากลัว ส่วนบุคลิกลักษณะภายในจะเป็นผู้ที่มีคุณธรรม และเป็นผู้ที่มีความสามารถมาก สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้เพราะมีของวิเศษช่วยเหลือ ตัวละครรองที่ปรากฏในเรื่องสังข์ทองมี ๑๒ ตัวบุคลิกภาพภายนอกของตัวละครรองส่วนใหญ่จะมีรูปกายที่สวยงาม สำหรับบุคลิกภาพภายใน จะถูกสร้างให้มีความสมจริงคือ มีความรัก โลภ โกรธ หลง อิจฉาริษยา ตามธรรมชาติของมนุษย์
บทสนทนาของตัวละคร ในเรื่องสังข์ทองประกอบด้วยคุณสมบัติดังนี้ ๑)บทสนทนามีความสมจริง ๒)บทสนทนามีส่วนช่วยในการดำเนินเรื่อง ใช้แทนการบรรยาย ๓)บทสนทนามีส่วนช่วยให้รู้จักตัวละครในเรื่องทั้งรูปร่างและนิสัยใจคอ ๔) บทสนทนามีส่วนช่วยให้เรื่องน่าอ่าน น่าสนใจ และมีชีวิตชีวาขึ้น
กลวิธีการนำเสนอ แบ่งออกเป็น ๓ ชนิด ดังต่อไปนี้ ๑)กลวิธีในการวางโครงเรื่องแบ่งเป็น กลวิธีในการเปิดเรื่อง ใช้การเปิดเรื่องแบบบรรยาย กลวิธีในการดำเนินเรื่อง ใช้การดำเนินเรื่องตามแบบปฏิทิน กลวิธีในการปิดเรื่อง ใช้การปิดเรื่องแบบสุขนาฏกรรม ๒) กลวิธีในการเล่าเรื่อง ใช้กลวิธีการเล่าแบบผู้เล่าเป็นผู้เล่าเองในฐานะผู้รู้แจ้ง ๓)กลวิธีสร้างตัวละคร มี ๒ประเภทคือตัวละครที่เป็นมนุษย์ จะสร้างให้มีความสมจริงและมีของวิเศษที่ทำให้มีความสามารถเกินจริง และตัวละครที่เป็นอมนุษย์จะสร้างให้มีความสามารถที่เหนือมนุษย์และมีฤทธิ์มาก
บทนำ
วรรณคดีไทยเป็นศิลปะที่ให้ทั้งความรื่นรมย์ความสนุกสนานและคติสอนใจที่มีคุณค่าแก่คนไทยมาช้านาน ตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน คนไทยเรียนรู้วรรณคดีไทยหลายวิธี เช่น จากการฟัง การอ่าน การดูละคร ฯลฯ ในปัจจุบันมีวิธีการเผยแพร่วรรณคดีในหลายรูปแบบ ทั้งที่เป็นหนังสือ ภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ทั้งที่เป็นละครพื้นบ้านแบบจักรๆวงศ์ และที่เผยแพร่ในรูปแบบฉบับการ์ตูนทางโทรทัศน์ ซึ่งสามารถเข้าถึงประชาชนได้ง่ายขึ้น และสื่อโทรทัศน์ยังเป็นสื่อยอดนิยมที่เข้าถึงประชาชนในวงกว้าง ดังนั้นสื่อที่ได้รับการเผยแพร่ทางโทรทัศน์ก็ย่อมได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางด้วย
วรรณกรรมสำหรับเด็ก จัดได้ว่าเป็นสื่อที่ไม่เคยล้าสมัยซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและส่งเสริมให้เด็กมีความเจริญงอกงามทางด้านสติปัญญา เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม เพื่อให้เด็กเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ พร้อมทั้งให้ความบันเทิงควบคู่กันไปด้วย เนื่องจากเด็กเป็นวัยที่สนใจสิ่งต่างๆ รอบตัว โดยเฉพาะเรื่องราวที่แปลกใหม่ วรรณกรรมจึงเป็นสื่ออย่างหนึ่งที่ส่งเสริมความรู้ ความคิดและจินตนาการแก่เด็ก ยิ่งถ้าเด็กอ่านมากเพียงใดความรู้ความคิดของเด็กก็จะกว้างไกลมาก
บทละครเป็นเรื่องราวของมนุษย์ที่นำเสนอในรูปของการกระทำที่มีจุดประสงค์ และมีองค์ประกอบที่น่าเชื่อถือชวนให้ติดตาม นอกจากนี้บทละครยังเป็นวรรณกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อใช้แสดงให้คนดู ผู้แสดงจะต้องถ่ายทอดเนื้อหา ความคิด ความรู้สึก อารมณ์ ตลอดจนลักษณะนิสัยของตัวละครไปสู่ผู้ชมด้วยการแสดงออกในรูปของการกระทำที่น่าสนใจ
เรื่อง สังข์ทอง เป็นนิทานโบราณเรื่องหนึ่งของไทยที่เป็นที่นิยมและรู้จักแพร่หลายในหมู่คนไทยทุกเพศทุกวัย และทุกระดับชั้นมาเป็นเวลาช้านาน นิทานเรื่อง สังข์ทองนอกจากจะปรากฏในรูปของนิทานเรื่องเล่าแล้ว ยังได้มีผู้นำเรื่องนี้มาแต่งเป็นบทละครขึ้น และในปัจจุบันยังถูกนำมาเผยแพร่ในหลากหลายรูปแบบที่สามารถเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น เช่น ละครพื้นบ้าน และการ์ตูน เป็นต้น ซึ่งการนำมาเผยแพร่ในรูปแบบดังกล่าวมีผลให้การใช้ภาษาเปลี่ยนไปจากเดิมเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบัน และเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ง่ายขึ้นแก่ผู้รับสาร
ละครนอกเรื่อง สังข์ทอง เป็นนิทานที่มีประวัติความเป็นมาช้านาน และมีการนำนิทานเรื่องนี้ไปเผยแพร่หลายรูปแบบ เช่น ละคร หนังสือ ลิเก ลำตัด และโดยการเล่าสืบต่อกัน ในทุกภาคของประเทศไทย ซึ่งแต่ละท้องถิ่นแต่ละภาคผู้เผยแพร่จะมีลักษณะการใช้ภาษาในการถ่ายทอดแตกต่างกันตามจุดประสงค์ของผู้ถ่ายทอดเรื่องราวตามกลุ่มเป้าหมาย
การนำวรรณคดีเรื่องสังข์ทองมาเผยแพร่ในรูปแบบการ์ตูนนี้ เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เยาวชนไทยสนใจและเข้าใจในเรื่องวรรณคดีไทยมากขึ้น และยังเป็นการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้กับเยาวชนได้ด้วย เพราะการดูหรืออ่านจะมีผลให้เกิดการซึมซับลักษณะนิสัยและการกระทำบางประการจากตัวละครสู่ผู้ชมผู้อ่านได้ ดังนั้นการเผยแพร่เรื่องจึงมีความจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงเยาวชนผู้ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่จะเติบโตต่อไปในวันข้างหน้า ทั้งนี้ละครนอกเรื่องสังข์ทองฉบับการ์ตูนได้มีการเพิ่มเติมเนื้อหาให้เข้ากับปัจจุบัน และตัดทอนเนื้อหาบางส่วนออก แต่ยังคงเค้าโครงเรื่องและคติข้อคิดของเรื่องไว้เหมือนกับเค้าโครงเรื่องเดิมทุกประการ
ผู้วิจัยจึงมีความประสงค์ที่จะศึกษาวิเคราะห์องค์ประกอบของวรรณคดีเรื่องสังข์ทองฉบับการ์ตูนในฐานะที่เป็นวรรณกรรมสำหรับเด็ก ซึ่งผู้วิจัยเห็นว่าสังข์ทองฉบับการ์ตูนสามารถสร้างความเข้าใจให้กับเยาวชนและผู้อ่านได้และหากได้ทำการศึกษาวิจัยจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาและพัฒนาวรรณคดีไทยต่อไป
การเก็บรวบรวมข้อมูล
ในงานวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยศึกษาเฉพาะเรื่องสังข์ทอง ดังรายการต่อไปนี้
๑. การ์ตูนเรื่องสังข์ทองของบริษัท บรอดคาซท์ เทเลวิชั่น จำกัด
๒. หนังสือเรื่อง สังข์ทอง ของรื่นฤทัย สัจจพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑
๓. หนังสือ สังข์ทองฉบับการ์ตูน ของบริษัทสกายบุ๊กส์ จำกัด
๑.๒ วัตถุประสงค์ของการวิจัย
เพื่อศึกษาเกี่ยวกับองค์ประกอบด้านเนื้อหาของวรรณกรรมไทย เรื่องสังข์ทองฉบับการ์ตูน ด้านแนวคิด โครงเรื่อง ตัวละคร บทสนทนา และกลวิธีการนำเสนอ
๑.๓ สมมติฐาน
๑. องค์ประกอบด้านแนวคิดจะสื่อในเรื่องคุณธรรมจริยธรรม
๒. องค์ประกอบด้านโครงเรื่องมีการวางโครงเรื่องหลักและรอง
๓. องค์ประกอบด้านตัวละครสามารถแบ่งได้สองประเภทคือตัวละครเอกและตัวละครรอง
๔. องค์ประกอบด้านบทสนทนาใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและข้อความสั้นๆ
๕. องค์ประกอบด้านกลวิธีการนำเสนอใช้การวางโครงเรื่องที่ไม่ซับซ้อน
ผลการวิจัย
จากการศึกษาองค์ประกอบของเรื่องสังข์ทองในด้าน แนวคิด โครงเรื่อง ตัวละคร บทสนทนาและกลวิธีการนำเสน สามารถสรุปผลได้ดังนี้
๑ แนวคิด แนวคิดที่ปรากฏในเรื่องมี ๒ ลักษณะคือ
๑.๑ ส่งเสริมจริยธรรม จริยธรรมที่ปรากฏมี ๕ ลักษณะ ดังต่อไปนี้
๑) ความเมตตากรุณา
๒) ความกตัญญูกตเวที
๓) ความขยันหมั่นเพียร
๔) ความอดทนอดกลั้น
๕) ความมีสัมมาคารวะ
๑.๒ สงเสริมจินตนาการ ในด้านการส่งเสริมจินตนาการพบเพียงลักษณะเดียว คือ การส่งเสริมจินตนาการภาพด้วยภาษา
๒ โครงเรื่อง สำหรับโครงเรื่อง ได้แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ
๒.๑ โครงเรื่องใหญ่ โครงเรื่องใหญ่ของเรื่องสังข์ทองเป็นเรื่องราวของพระสังข์ตัวเอกของเรื่องที่เกิดมาในร่างของหอยสังข์เป็นเหตุให้ถูกเนรเทศออกจากเมือง เพราะความอิจฉาของมเหสีฝ่ายซ้ายจึงต้องไปอยู่กับตายายที่กระท่อมชายป่า แต่มเหสีฝ่ายซ้ายพยายามฆ่าพระสังข์ ในที่สุดจึงถูกนำไปถ่วงน้ำ พญานาคได้ช่วยเหลือและนำไปให้นางยักษ์พันธุรัตเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม พระสังข์ได้ขโมยของวิเศษหนีนางยักษ์เพื่อตามหาพระมารดา และได้เดินทางไปยังเมืองสามนต์มีพระธิดา ๗ องค์กำลังทำพิธีเลือกคู่ พระธิดาองค์สุดท้องคือนางรจนาเลือกพระสังข์ในร่างของเจ้าเงาะเป็นคู่ครอง ท้าวสามนต์ไม่พอใจในราชบุตรเขยจึงขับไล่ไปอยู่กระท่อมปลายนา และหาทางกำจัด พระอินทร์เกิดความสงสารนางรจนาพระอินทร์จึงลงมาท้าตีคลีเอาบ้านเอาเมือง ไม่มีเขยคนใดเอาชนะได้ พระสังข์จึงถอดรูปเงาะและออกตีคลีจนได้รับชัยชนะ ต่อมาพระบิดาและพระมารดาจึงออกตามหาจึงได้พบกัน ทั้งสามกษัตริย์เดินทางกลับบ้านเมือง
๒.๒ โครงเรื่องย่อย โครงเรื่องย่อยที่แทรกอยู่ในโครงเรื่องใหญ่ของเรื่องสังข์ทองมี ๔ โครงเรื่องย่อย คือ
๑) โครงเรื่องย่อยที่ ๑ เป็นเรื่องราวของนางจันทาที่ทำเสน่ห์ให้ท้าวยศวิมลหลงใหลและเชื่อว่าพระสังข์เป็นกาลกิณี จึงให้ทหารไปนำตัวพระสังข์ประหารชีวิต แต่ไม่สามารถทำอันตรายพระสังข์ได้จนในที่สุดมีรับสั่งให้นำไปถ่วงน้ำ
๒) โครงเรื่องย่อยที่ ๒ เป็นเหตุการณ์เมื่อพระสังข์จมลงใต้บาดาลท้าวภุชงค์พญานาคราชช่วยพระสังข์ไว้ และนำพระสังข์ไปให้นางพันธุรัตซึ่งเป็นนางยักษ์เลี้ยงดู แต่เมื่อพระสังข์รู้ว่านางเป็นยักษ์จึงคิดหนี ก่อนหนีพระสังข์ได้ชุบตัวในบ่อทองและขโมยของวิเศษสามสิ่ง คือ รูปเงาะ ไม้เท้ากายสิทธิ์ และเกือกแก้ว นางพันธุรัตได้ตามมาถึงเขาแห่งหนึ่งแต่ขึ้นไปหาพระสังข์ไม่ได้เพราะพรสังข์อธิษฐานไว้ นางจึงกลั้นใจตายก่อนตายนางได้สอนมนต์เรียกเนื้อเรียกปลาให้พระสังข์
๓) โครงเรื่องย่อยที่ ๓ เป็นเรื่องราวของพระสังข์ตอนที่หนีนางพันธุรัตและตามหาพระมารดามาถึงเมืองสามนต์ และได้นางรจนาเป็นคู่ในกายของเงาะ ทำให้ท้าวสามนต์ไม่พอใจขับไล่และหาทางกำจัดพระสังข์ โดยให้ออกหาเนื้อหาปลา ผู้ใดหาไม่ได้จะถูกประหารชีวิต พระสังข์มีมนต์เรียกเนื้อเรียกปลาจึงรอดพ้นจากการถูกประหาร พระอินทร์สงสารนางรจนาที่ได้รับความลำบากเพราะพระสังข์ไม่ยอมถอดรูปเงาะจึงแปลงกายลงมาท้าท้าวสามนต์แข่งตีคลี พระสังข์จึงต้องถอดรูปเงาะและออกตีคลีจนได้รับชัยชนะ ท้าวยศวิมลจึงยกราชสมบัติให้พระสังข์
๔) โครงเรื่องย่อยที่ ๔ พระอินทร์บังคับให้ท้าวยศวิมลไปรับตัวนางจันเทวีเข้าวัง ทั้งสองพระองค์ปลอมตัวออกตามหาพระสังข์ไปยังเมืองสามนต์ นางจันเทวีแกงฟักนางแกะสลักชิ้นฟักเป็นเรื่องราวของพระสังข์และพระมารดาขึ้นถวายพระสังข์ เมื่อพระสังข์ทอดพระเนตรชิ้นฟักทรงทราบทันทีว่าพระมารดาตามหาพระองค์ ในที่สุดพระสังข์ได้พบกับพระบิดาและพระมารดาและเดินทางกลับบ้านเมืองของตน
๓ ตัวละคร
๓.๑ ตัวละครเอก ในเรื่องสังข์ทองนี้ตัวละครเอก คือ พระสังข์ หรือ เงาะป่า เป็นตัวละครที่ถูกสร้างให้มีบุคลิกลักษณะภายนอก ๒ บุคลิก คือ ในร่างของพระสังข์เป็นหนุ่มรูปงามมีกายสีทอง และร่างเจ้าเงาะมีรูปร่างอัปลักษณ์ น่าเกลียดน่ากลัว
ส่วนบุคลิกลักษณะภายในจะเป็นผู้ที่มีคุณธรรม จิตใจดีงาม มีความกตัญญู และเป็นผู้ที่มีความสามารถมาก ในด้านของความสามารถเหาะเหินเดินอากาศเกิดขึ้นได้เพราะมีของวิเศษช่วยเหลือ
๓.๒ ตัวละครรอง ตัวละครรองที่ปรากฏในเรื่องสังข์ทองได้ นางรจนา ท้าวยศวิมล พระนางจันเทวี พระนางจันทา นางพันธุรัต ท้าวสามนต์ นางมณฑา เขยทั้ง๖และพระพี่นางทั้ง๖ พระอินทร์ สงกา และตายาย เป็นต้น บุคลิกภาพภายนอกของตัวละครรองส่วนใหญ่จะมีรูปกายที่สวยงาม สำหรับบุคลิกภาพภายใน จะถูกสร้างให้มีความสมจริงคือ มีความรัก โลภ โกรธ หลง อิจฉาริษยา ตามธรรมชาติของมนุษย์
๔ บทสนทนา
บทสนทนาของตัวละคร ในเรื่องสังข์ทองประกอบด้วยคุณสมบัติดังนี้
๑) บทสนทนามีความสมจริง
๒) บทสนทนามีส่วนช่วยในการดำเนินเรื่อง ใช้แทนการบรรยาย
๓) บทสนทนามีส่วนช่วยให้รู้จักตัวละครในเรื่องทั้งรูปร่างและนิสัยใจคอ
๔) บทสนทนามีส่วนช่วยให้เรื่องน่าอ่าน น่าสนใจ และมีชีวิตชีวาขึ้น
๕ กลวิธีการนำเสนอ แบ่งออกเป็น ๓ ชนิด ดังต่อไปนี้
๕.๑ กลวิธีในการวางโครงเรื่อง
๑) กลวิธีในการเปิดเรื่อง ใช้การเปิดเรื่องแบบบรรยาย
๒) กลวิธีในการดำเนินเรื่อง ใช้การดำเนินเรื่องตามแบบปฏิทิน
๓) กลวิธีในการปิดเรื่อง ใช้การปิดเรื่องแบบสุขนาฏกรรม
๕.๒ กลวิธีในการเล่าเรื่อง ใช้กลวิธีการเล่าแบบผู้เล่าเป็นผู้เล่าเองในฐานะผู้รู้แจ้ง
๕.๓ กลวิธีการสร้างตัวละคร
๑) ตัวละครที่เป็นมนุษย์ ถูกสร้างให้มีรูปงาม และมีความรู้ความสามารถเกินความเป็นจริงเพราะใช้ของวิเศษ ลักษณะนิสัยจะมีความคล้ายคลึงกับมนุษย์จริงๆ
๒) ตัวละครที่เป็นอมนุษย์ ถูกสร้างให้มีฤทธิ์มาก สามารถแปลงกาย เหาะเหินเดินอากาศ และรู้ความเป็นไปทุกอย่างด้วยการนั่งฌาน เป็นตัวละครที่คอยช่วยมนุษย์ที่ทำดีในยามคับขันและช่วยคลี่คลายปัญหาในท้ายที่สุด
วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น